ทำไมจึงควรเลือกเรียนต่อที่ประเทศจีน
ในระยะเวลา 30 ปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันนี้ ประเทศจีนมีการพัฒนาที่เร็วมาก และได้รับความสนใจจากหลายประเทศทั่วโลก การพัฒนาของเศรษฐกิจในจีนกลายเป็นประเด็นสำคัญของหลายประเทศทั่วโลก ซึ่งธนาคารโลกคาดคะเนว่า ในปี 2020 จะมีการจัดเรียงกลุ่มประเทศ G7 ใหม่ โดยจะมีจีนเป็นอันดับหนึ่งในกลุ่ม และปัจจุบันมีจำนวนผู้ที่ต้องการมาศึกษาในประเทศจีนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งในปี 2009 ที่ผ่านมามีจำนวนผู้มาศึกษาในจีนมากกว่า 230,000 คน โดยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้เรียนจากประเทศเกาหลี
ข้อดีของการไปเรียนต่อประเทศจีน
– สามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำได้โดยง่าย ไม่ต้องสอบ TOFEL เพราะจะพิจารณาจากเกรดเฉลี่ยเพียงอย่างเดียว
– ใช้ภาษาอังกฤษในการเรียนการสอน
– ค่าเรียนและค่าใช้จ่ายถูกกว่ามหาวิทยาลัยเอกชนบางแห่งในประเทศไทย
– ที่พักในหอพักมหาวิทยาลัยมีความปลอดภัย และมีเครื่องอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งเครื่องปรับอากาศ ทีวี และอินเตอร์เน็ต
– ผู้เรียนสามารถเลือกเรียนภาษาจีนเพิ่มเติมได้ เมื่อจบหลักสูตรจะมีทักษะภาษา ทั้งไทย จีน และอังกฤษ
– หากเลือกเรียนวิชาแพทย์ ผู้เรียนสามารถสอบใบประกอบโรคศิลป์ได้ทั้งในประเทศไทยและประเทศจีน
– เมื่อเรียนจบแล้วมีโอกาสเลือกทำงานได้ทุกประเทศทั่วโลก เนื่องจากหลักสูตรเป็นที่ยอมรับระดับนานาชาติ
ข้อมูลทางด้านภูมิศาสตร์
ประเทศจีน มีพื้นที่เฉพาะส่วนที่เป็นแผ่นดินใหญ่ประมาณ 9.6 ล้านตารางกิโลเมตร ทางเหนือมีบริเวณตั้งแต่ตอนกลางของแม่น้ำเฮลุงเจียงใกล้โมเหอ (ละติจูดที่ 53 องศาเหนือ) ลงมาถึงฝั่งเจิงมู่ ของหมู่เกาะหนานชาทางทิศใต้ (ละติจูด 4 องศาเหนือ) และจากที่ราบสูงปามีร์ทางทิศตะวันตก (ลองติจูด 73 องศาตะวันออก) มาจนถึงบริเวณที่แม่น้ำเฮลุงเจียง และแม่น้ำวาสุลี ไหลมาบรรจบกันทางทิศตะวันออก (ลองติจูด 135 องศาตะวันออก)
ข้อมูลทางด้านภูมิอากาศ
ประเทศจีนมีลักษณะภูมิอากาศเป็นแบบมรสุมภาคพื้นทวีปมีหลากหลายรูปแบบ ลมเหนือจะมีอิทธิพลสูงในฤดูหนาว ในขณะที่ลมใต้จะมีบทบาทในฤดูร้อน ทำให้ประเทศจีนมีถึง 4 ฤดู ที่แตกต่างกันอย่างเด่นชัด มีฤดูฝนปนอยู่กับฤดูร้อน ภูมิอากาศที่ซับซ้อนของเมืองจีนในลักษณะนี้ มีผลทำให้สามารถแบ่งแถบอิงอุณหภูมิ กับแถบอิงความชื้นของภาคพื้นของจีนได้ คือแบ่งแถบอิงอุณหภูมิจากภาคใต้ถึงภาคเหนือเป็น แถบเส้นศูนย์สูตร ร้อนชื้น กึ่งร้อนชื้น อบอุ่น และแถบหนาวเย็น และแบ่งแถบอิงความแห้ง – ชื้น จากตะวันออกเฉียงใต้ ถึงตะวันตกเฉียงเหนือเป็นแถบความชื้นสูง
ข้อมูลทางด้านประชากรและภาษา
ประเทศจีนมีประชากรทั้งสิ้น 56 ชนเผ่า ส่วนใหญ่ประชากร นั้นจะนับถือ พระพุทธศาสนา โดยนับถือนิกายเถรวาท จำนวน กว่า 300 ล้านคน นอกนั้นนับถือ นิกายมหายาน และวัชระญาน โดยนับถือปนไปกับลัทธิขงจื้อและลัทธิเต๋า นอกจากนี้ประชากรจีนยังมีการนับถือ ศาสนาอิสลามจำนวนกว่า 11 ล้านคน นับถือศาสนาคริสต์กว่า 9 ล้านคน ภาษาที่ใช้กันโดยทั่วไปในกวางเจา คือ ภาษากวางตุ้ง ซึ่งจัดเป็นภาษาที่มีผู้ใช้มากที่สุดในหมู่ชาวจีนโพ้นทะเล โดยมีภาษาแมนดารินเป็นภาษาราชการ
เวลา
เวลาที่จีนเร็วกว่าประเทศไทย 1 ชั่วโมง
ระบบการศึกษาของประเทศจีน
ในประเทศจีน ระบบการศึกษาได้ถูกแบ่งออกเป็น 3 แขนง คือ การศึกษาขั้นพื้นฐาน การศึกษาขั้นอุดมศึกษา และการศึกษาผู้ใหญ่ การศึกษาภาคบังคับตามกฎหมายของประเทศจีนกำหนดให้เด็กทุกคนต้องได้รับการศึกษาในระบบโรงเรียนเป็นเวลาอย่างน้อย 9 ปี
การศึกษาขั้นพื้นฐาน
การศึกษาขั้นพื้นฐานในประเทศจีนได้รวมถึงการศึกษาระดับอนุบาล ประถมศึกษา และมัธยมศึกษา
การศึกษาระดับอนุบาลใช้เวลาศึกษา 3 ปี ซึ่งเด็กจะเริ่มเข้าเรียนตั้งแต่อายุ 3 ขวบ ไปจนถึงเรียนจบระดับอนุบาลในอายุ 6 ขวบ หลังจากนั้นเด็กจะเริ่มเข้าเรียนในชั้นประถมศึกษาเรื่อยไปจนจบระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ซึ่งเป็นการจบระดับการศึกษาภาคบังคับ โดยในหนึ่งปีการศึกษาได้ถูกแบ่งออกเป็น 2 ภาคการศึกษา หลังจากนั้นเด็กผู้ซึ่งมีความประสงค์จะศึกษาต่อ จะต้องสอบเข้าศึกษาต่อในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย หรือจะเป็นการเข้าศึกษาต่อในระดับอาชีวศึกษา ซึ่งในระดับอาชีวศึกษาจะเป็นการใช้เวลาศึกษาทั้งสิ้น 2-4 ปี โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้เด็กที่จบการศึกษาไปมีความรู้ทางเทคนิค การผลิต และการดำเนินงาน
การศึกษาขั้นอุดมศึกษา
การศึกษาขั้นอุดมศึกษามีการแบ่งย่อยเป็นอนุปริญญาซึ่งใช้ระยะเวลาเรียน 2-3 ปี ในระดับปริญญาตรี 4 ปี (5 ปีในส่วนของคณะแพทยศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ และวิทยาศาสตร์) ในระดับปริญญาโท 2-3 ปี และ ในระดับปริญญาเอก 3 ปี
การศึกษาขั้นอุดมศึกษาของประเทศจีนมีความหลากหลายในแต่ละสาขาวิชา ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาแบบมีวุฒิบัตรหรือแบบไม่มีวุฒิบัตร หรือการรวมรูปแบบการศึกษาของอนุปริญญา ปริญญาตรี และ ปริญญาโท เข้าไว้ด้วยกัน
การศึกษาผู้ใหญ่
การศึกษาผู้ใหญ่ของประเทศจีนจะเป็นส่วนการศึกษานอกระบบโรงเรียน เพิ่มเติมจากการศึกษาในระบบโรงเรียนของการศึกษาขั้นพื้นฐาน และการศึกษาขั้นอุดมศึกษา การศึกษาผู้ใหญ่ขั้นต้นได้รวมถึงการให้การศึกษาเบื้องต้นแก่ผู้ใช้แรงงานในชนบทห่างไกล การศึกษาผู้ใหญ่ขั้นกลางได้รวมถึงการให้ศึกษาด้านวิชาชีพ อันได้แก่ ทีวี วิทยุ เสมียน ส่วนการศึกษาผู้ใหญ่ขั้นสูงได้รวมถึงการให้ศึกษาด้านวิชาชีพชั้นสูงเพิ่มเติมจากวิทยาลัย หรือ มหาวิทยาลัย
การแพทย์จีน
ปัจจุบันประเทศจีนเริ่มเป็นที่สนใจของนักเรียนไทยที่ไปศึกษาทางคณะแพทย์ศาสตร์ในหลักสูตรภาษาอังกฤษ และมีการเรียนภาษาจีนเพิ่มเติมมากขึ้น เนื่องจาก มีค่าใช้จ่ายไม่แพงมานักอีกทั้งมหาวิทยาลัยที่เปิดสอนเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศจีนได้รับการรับรองจากแพทยสภาของประเทศและ เมื่อเรียนจบกลับมาสามารถสามารถมาสอบใบประกอบโรคศิลป์เป็นแพทย์ในประเทศไทยได้ ถือเป็นทางเลือกใหม่สำหรับนักเรียนไทยที่ต้องการจะศึกษาทางด้านการแพทย์
การเรียนแพทย์ที่ประเทศจีนไม่ได้หมายความว่าจะเรียนด้านการฝังเข็มหรือเป็นแบบจีนโบราณ แต่เป็นการเรียนแพทย์แผนปัจจุบันเหมือนกับในประเทศไทย ใช้ระยะเวลาเรียน 6 ปี ซึ่งการเรียนแพทย์ที่จีนจะมี 2 แบบคือ เรียนเป็นแพทย์แผนจีน และเรียนแพทย์หลักสูตรอินเตอร์(เรียนเป็นภาษาอังกฤษ) และในชั้นเรียนจะมีสอนภาษาจีนให้ด้วย เพราะก่อนเรียนจบ จะมีการสอบวัดระดับภาษาจีน (HSK 5) และต้องมีการฝึกงานในโรงพยาบาลที่จีนซึ่งถ้ายังไม่เก่งด้านภาษาทั้งอังกฤษและจีนก็สามารถที่จะไปเรียนเพิ่มเติมได้
ทำงานพิเศษ
ระหว่างที่นักศึกษาทำการศึกษาอยู่ในจีนนั้น นักศึกษาเองสามารถทำงานควบคู่ไปด้วยได้ แต่นักศึกษาต่างชาติในประเทศจีนส่วนใหญ่จะไม่ทำงานกัน เนื่องจากว่าค่าแรงที่ได้นั้นน้อยมาก การทำงานพิเศษนั้น นักเรียนอาจจะหางานไม่ได้เสมอไป โดยเฉพาะถ้าความสามารถทางภาษาจีนยังไม่เพียงพอ และอาจมีผลกระทบต่อการเรียน จึงไม่ควรหวังว่าจะใช้ชีวิตในประเทศจีนได้ โดยพึ่งเงินจากการทำงานพิเศษ
หอพักนักศึกษา
มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ของจีนนั้นจะมีหอพักภายในมหาวิทยาลัยไว้บริการสำหรับนักศึกษา โดยส่วนใหญ่จะมีทั้งห้องพักแบบเดี่ยวและห้องพักแบบคู่ รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกภายในหอพัก ซึ่งนักศึกษาเองสามารถสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับหอพักกับทางมหาวิทยาลัยได้โดยตรง
วีซ่านักศึกษา
การขอวีซ่าสำหรับการศึกษาต่อในประเทศจีนจะมี 2 ประเภท คือ
1.Visit / Business Visa (F) เป็นวีซ่าสำหรับผู้ที่เข้าไปในจีนเพื่อการศึกษาวิจัยธุรกิจ ฝึกงาน หรือการใดๆ เป็นระยะ เวลาต่ำกว่า 6 เดือน
2.Study / Student Visa (X) สำหรับผู้ที่มาเรียนหรือฝึกงานเป็นเวลาเกินกว่า 6 เดือน
การขอวีซ่าสำหรับผู้ที่จะเรียนระยะยาว ( 6 เดือนขึ้นไป) Study/Student Visa (X)
– ผู้ที่ขอไปเรียนที่โรงเรียนประถมและโรงเรียนมัธยม จะต้องมีพ่อแม่จะต้องอยู่ประจำที่ประเทศจีน ถ้าหากว่าไม่ได้อยู่ประจำที่ประเทศจีนจะต้องมอบอำนาจอย่างเป็นทางการ ให้แก่คนที่อยู่ประจำประเทศจีนเป็นผู้ปกครองของนักเรียน เมื่อรับรองหนังสือมอบอำนาจนั้นเสร็จแล้ว ต้องมารับรองซ้ำที่สถานทูตจีน นอกจากนั้นแล้วยังต้องยื่นใบตอบรับเข้าจากโรงเรียนด้วย
– ผู้ที่ขอไปศึกษาระดับอุดมศึกษา ต้องยื่นแบบฟอร์มการขอวีซ่าสำหรับนักศึกษาต่างชาติ ซึ่งประทับตราจาก
องค์กรที่ทางการจีนมอบอำนาจให้ (แบบฟอร์ม JW101 หรือ JW102)
– ใบตอบรับเข้าเรียนของมหาวิทยาลัยจีน
– ใบตรวจสุขภาพ
การขอวีซ่าสำหรับผู้ที่จะเรียนระยะสั้น ( 6 เดือนหรือน้อยกว่า 6 เดือน)
– แบบฟอร์มการทำวีซ่าของนักศึกษาต่างชาติเพื่อไปเรียนต่อที่จีน (แบบฟอร์ม JW201 หรือ JW202)
– ใบตอบรับเข้าศึกษาต่อ ของมหาวิทยาลัยจีน
ค่าใช้จ่ายในการศึกษา
สำหรับค่าใช้จ่ายในการเรียนต่อนั้น จะตกประมาณปีละ 70,000 – 126,000 บาท ค่าที่พัก เดือนละประมาณ 4,000 – 10,000 บาท อาหารและค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ด จะตกประมาณเดือนละ 5,000 – 12,000 บาท นอกจากนั้น จะต้องมีค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าสมัคร ค่าวีซ่าประมาณ 14,000 – 23,000 บาท สรุปแล้วในการเรียน 1 ปี ควรจะต้องมีเงินประมาณ 2 แสนบาท ถึง 3 แสนบาทเป็นอย่างต่ำ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละเมืองและความประหยัดของนักนักศึกษาด้วยเช่นกัน ถ้าอยู่ในปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ กวางโจวแน่นอนว่าค่าครองชีพไม่ว่าจะเป็นค่าที่พักหรืออาหารก็จะแพงกว่า จังหวัดอื่น ๆ
10 คณะแพทยศาสตร์ชั้นนำในประเทศจีน
TsinghuaUniversity (ปักกิ่ง)
http://www.tsinghua.edu.cn/publish/then/5971/index.html
FudanUniversity (เซี่ยงไฮ้)
http://www.fudan.edu.cn/englishnew/medical/medical.html
PekingUniversity (ปักกิ่ง)
http://english.bjmu.edu.cn/col/col6134/index.html
ZhejiangUniversity (หางโจว)
http://www.cmm.zju.edu.cn/english/
ShanghaiJiaotongUniversity (เซี่ยงไฮ้)
SunYat-senUniversity (กวางโจว)
http://zssom.sysu.edu.cn/En/Default.aspx
Huazhong University of Science and Technology (อู่ฮั่น)
http://english.hust.edu.cn/Programs_Instruction.html
SichuanMedicalUniversity (เฉิงตู)
http://eng.cd120.com/a/fps/pfis/2012/1228/34.html
CapitalMedicalUniversity (ปักกิ่ง)
http://www.ccmu.edu.cn/english/
10. CentralSouthUniversity (ฉางชา)
http://iecd.csu.edu.cn/en-US/ArticleShow.aspx?cid=44&id=10