Alain Ducasse เป็นเชฟและผู้ประกอบการชาวฝรั่งเศสที่มีชื่อเสียงระดับโลก ตลอดเส้นทางอาชีพซึ่งกินเวลาเกือบห้าทศวรรษ เชฟได้รับดาวมิชลินจำนวน 21 ดาว และประสบความสำเร็จในการดำเนินกิจการร้านอาหารระดับ 3 ดาวสามแห่งในเวลาเดียวกัน อาณาจักรของเขาประกอบไปด้วยร้านอาหาร 20 แห่งและพนักงานกว่า 1,400 คน รวมถึงโรงเรียนสอนทำอาหารชื่อดัง École Ducasse ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2542 และได้เปิดแคมปัสแห่งใหม่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของปารีสในเมือง มูดง-ลา-ฟอเรต์ เมื่อไม่นานมานี้
การออกแบบแคมปัสแห่งใหม่นี้เป็นผลงานของ Arte Charpentier Architects ซึ่งเป็นบริษัทฝรั่งเศสที่มีชื่อเสียง ด้วยประสบการณ์กว่า 50 ปี และมีพนักงานที่มีคุณภาพกว่า 120 คนกระจายอยู่ทั่วสำนักงานในปารีส ลียง และเซี่ยงไฮ้ สถาปนิกที่ Arte Charpentier เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการโครงการที่ซับซ้อนและมีความใส่ใจในรายละเอียดอย่างหาที่เปรียบมิได้ในหลากหลายแง่มุม ด้วยเหตุนี้การออกแบบ École Ducasse จึงเข้ากันกับประเภทและปรัชญาในการออกแบบของบริษัท เนื่องด้วยมีขนาดพื้นที่ 6,500 ตร.ม. ที่มีห้องครัวจำนวนนับไม่ถ้วน และยังมีร้านอาหารขนาด 300 ที่นั่งซึ่งออกแบบภายในโดย Jouin Manku ในขณะเดียวกัน พื้นที่ที่ตั้งของที่นี่ก็น่าประทับใจเช่นกัน โดยพื้นที่ขนาด 36 เฮกตาร์เป็นที่ปลูกสมุนไพรหอม ไม้พุ่ม ผลไม้ และพืชผัก
École Ducasse ตั้งอยู่ที่ริมสุดของป่า Meudon ซึ่งเป็นสถานที่ในการช่วยสร้างแรงบันดาลใจ เอื้อต่อการพักผ่อนและการครุ่นคิดถึงสิ่งต่าง ๆ องค์ประกอบทางธรรมชาติมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาแนวคิดและความเป็นรูปเป็นร่างของโครงการ ตามที่ Jérôme Le Gall ผู้ช่วยสถาปนิกที่ Arte Charpentier กล่าวว่า “ความใกล้ชิดกับป่า Meudon ซึ่งมีพื้นที่ขนาดใหญ่มีส่วนอย่างมากในการสร้างการตอบสนองทางสถาปัตยกรรม และเราต้องการหาวิธีที่จะสะท้อนถึงการมีอยู่ของธรรมชาติที่โดดเด่นเช่นนี้ ซึ่งความต้องการของโครงการเองก็ได้เสริมแนวคิดนี้โดยเน้นความสำคัญกับการค้นหาเส้นทางเชื่อมโยงที่ตรงที่สุดจากธรรมชาติสู่โต๊ะอาหาร ดังนั้น แนวทางของเราคือการแยกองค์ประกอบออกเป็น 4 ส่วน คือ อากาศ ไฟ ดิน และน้ำ ซึ่งได้สื่อออกมาตรงบริเวณพื้นที่ส่วนกลางที่เปิดโล่ง ส่องสว่าง และเป็นแนวยาว กลายเป็นศูนย์กลางของกิจกรรมต่าง ๆ ที่จะเข้ามาและสำหรับจัดระเบียบองค์ประกอบในการใช้สอยต่าง ๆ ของโรงเรียน”
บล็อคตึกทั้ง 4 ที่ล้อมรอบโถงกลางมีลักษณะรูปทรงเรขาคณิตที่ต่างจากรูปแบบเดิม เน้นให้เห็นถึงโครงสร้างที่มีแรงขับเคลื่อนซึ่งแผ่กระจายไปทั่วตั้งแต่ชั้นใต้ดินและอีกสองชั้นเหนือพื้นดิน การนำอลูมิเนียมคอมโพสิตมาใช้และวางขยายออกมาจากฐานคอนกรีตเสริมเหล็ก ทำให้อาคารมีโครงสร้างที่มั่นคงและมีความสวยงาม ลักษณะพิเศษเช่นนี้ทำให้พื้นผิวภายนอกอาคารแคมปัสของ Ducasse แห่งใหม่นี้มีเอกลักษณ์อย่างแท้จริง
ในขณะเดียวกันการตกแต่งภายในเป็นสไตล์มินิมอล ได้รับการออกแบบโดยคำนึงถึงการใช้งานเป็นสิ่งสำคัญมากที่สุด “รูปแบบการตกแต่งภายในได้รับการจัดในลักษณะที่สามารถใช้งานได้อย่างสมเหตุสมผลและมีประสิทธิภาพมากที่สุด ซึ่งจำเป็นต่อการเรียนรู้ในการฝึกศิลปะการประกอบอาหารขั้นสูง ในขณะเดียวกันยังช่วยเสริมสร้างประสบการณ์ให้กับผู้ใช้งานและผู้เยี่ยมชมไปพร้อม ๆ กัน เช่นเดียวกับอาหาร สถาปัตยกรรมต้องสามารถก่อให้เกิดการกระตุ้นทางประสาทสัมผัสด้วยเช่นเดียวกัน” Godefroy Saint-Georges สถาปนิกผู้ออกแบบได้กล่าว
ในด้านสิ่งแวดล้อมและภูมิอากาศ École Ducasse เองก็มีความโดดเด่นเช่นกัน เพราะได้รับใบประกาศนียบัตรความเป็นเลิศถึง 2 ใบคือ HQE Passport และ French Energy Efficiency RT2012 อันมาจากการเลือกใช้วัสดุที่ทันสมัย เทคนิคทางด้านระบบบำบัดน้ำ การถ่ายเทอากาศ และการใช้ส่วนประกอบสำเร็จรูปของโครงสร้าง ซึ่งอย่างสุดท้ายนี้ทำให้สามารถลดเวลาในการก่อสร้างได้อย่างมาก ทำให้สามารถใช้ทรัพยากรไปเพื่อเน้นความสวยงามและความยั่งยืนได้มากขึ้น ทำให้ผลลัพธ์เป็นที่น่าทึ่งและพึงพอใจสำหรับ Arte Charpentier เป็นอย่างมาก ถึงแม้จะมีครัวอุตสาหกรรมจำนวนมากในอาคาร ซึ่งใช้ก๊าซและไฟฟ้าในปริมาณมากก็ตาม
“การเปิดแคมปัสที่ปารีสแสดงให้เห็นถึงสิ่งสำคัญที่สุด และหนึ่งในภารกิจที่สวยงามที่สุดนั่นคือการเตรียมเส้นทางสำหรับคนรุ่นต่อไปและฝึกฝนให้เป็นเชฟรุ่นใหม่สำหรับอนาคต ภารกิจของเราคือการถ่ายทอดความเป็นเลิศ การคำนึงถึงวัตถุดิบและฤดูกาล ตลอดจนความสามารถที่จะประสบความสำเร็จในสภาพแวดล้อมที่ยากลำบากในการคิดค้นสิ่งใหม่ ๆ ให้กลายเป็นความหลงใหล” Alain Ducasse กล่าว
ขอบคุณที่มา: https://www.floornature.com/paris-campus-ecole-ducasse-designed-arte-charpentier-16101/